ในชั่วพริบตา

มิถุนายน 27, 2012

โดย เดวิด โบลิค

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมเห็นชายผู้หนึ่งข้างถนน เขามีผลกระทบต่อผมอย่างมาก ตรงทางแยกย่านกลางเมืองกัวดาลาจาร่ามีผู้คนพลุกพล่านพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าแม่ค้า คนบริการล้างกระจกรถ นักเล่นปาหี่ หรือขอทาน ผมอยากจะแจกเงินให้ทุกคน คนละ 100 เปโซ​ แต่ผมทำเช่นนั้นไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ผมพยายามให้นิดหน่อย ดังนั้นเมื่อชายคนหนึ่งนั่งรถเข็นเข้ามาหา ผมเตรียมเหรียญไว้แล้ว ผมเปิดหน้าต่างรถและเอื้อมมือยื่นให้ เขามองหน้าผม และมองไปยังเป้ที่เปิดไว้ข้าง ๆ บนรถเข็น ผมจึงหยอดเหรียญใส่ไว้ในนั้น เขาผงกศีรษะและจากไป

ผมต้องรอไฟแดงที่ทางแยกอยู่นาน ผมพิจารณาเขาและสถานการณ์ของเขา ขณะที่เขาเข็นเก้าอี้ไปตามแถวรถยนต์ที่จอดอยู่ข้างหน้าผม เขามีรูปร่างผอม เครื่องแต่งกายเรียบง่าย เขาใส่เสื้อแขนยาว กางเกงออกกำลังกาย และสวมหมวกปีกกว้าง ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ต้องตากแดดแทบทั้งวัน ผมเห็นว่าเขาใช้มือหรือแขนไม่ได้ แต่ขาข้างซ้ายของเขาเป็น"ปกติ" เขาใช้ขาข้างนั้นผลักตัวเองไปข้างหลัง ดูเหมือนว่าเขาเอียงคอและศีรษะได้ไม่เต็มที่ แต่เขามองข้ามไหล่ของตัวเอง และเห็นได้ดีพอสมควร ดูเหมือนว่าขาขวาและเท้าขวาของเขาฝ่อ แต่เขาใช้เท้าข้างนั้นควบคุมรถเข็น โดยแตะล้อเล็ก ๆ ด้านหน้า

แทบจะไม่มีที่ว่างพอ ระหว่างรถที่จอดอยู่ข้างทางกับรถที่รอไฟเขียว แต่เขาก็แทรกตัวไปได้อย่างชำนาญ ระหว่างพื้นที่แคบ ๆ ในช่วงเวลาน้อยมาก ในไม่กี่วินาทีก่อนสัญญาณไฟเขียว เมื่อรถยนต์เคลื่อนที่ไปข้างหน้าช้า ๆ ความรู้สึกเฉยเมยของผมกลับกลายเป็นความชื่นชมยกย่องต่อความพยายามและฝีมือของชายผู้นี้ ซึ่งผมคิดว่าเขาคงต้องทำเช่นนั้นทุกวัน

เราทั้งสองสบตากันชั่วครู่ ขณะที่ผมขับผ่านไป ผมเชื่อว่าเขาจับความได้ว่าผมคิดอะไรอยู่ เราสื่อสารกันในชั่วขณะนั้น ถึงแม้ว่าเป็นเวลาที่สั้นมาก แต่ก็ส่งผลกระทบต่อผมอย่างลึกซึ้ง เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อสองวันที่แล้ว ผมยังคงนึกถึงเรื่องนี้ ชีวิตของผมดำเนินต่อไป แต่ผมรู้สึกว่าผมเริ่มสัมผัสชีวิตอย่างเจาะลึก ข้อพระคัมภีร์ที่ว่า “ผู้ใดได้รับมาก จะเรียกร้องจากผู้นั้นมาก” (ลูกา12:48) มีความหมายต่อผมมากขึ้น ผมประสงค์ที่ใช้พรสวรรค์ ความสามารถ และเวลาที่มีอยู่ เพื่อเป็นพลังยิ่งใหญ่ในการสร้างคุณความดีให้มากที่สุด ด้วยความช่วยเหลือจากพระองค์ 

Copyright © 2024 The Family International