ภาพลักษณ์และภาพรวม

ตุลาคม 27, 2016

โดย มาเรีย ฟอนเทน

[Appearances and the Big Picture]

บางครั้งคุณรู้สึกเหมือนเป็นคนล้มเหลวหรือเปล่า สิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ หรือไม่เป็นไปตามที่ต้องการ คุณผิดหวัง เพราะไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ คุณไปไม่ถึงเป้าหมาย คุณถูกล่อใจให้รู้สึกว่าเป็นเพราะคุณล้มเหลว หรือเป็นเพราะคนอื่นล้มเหลว

แต่คุณได้รับการเกื้อหนุนจากพระองค์ โดยเตือนใจตนเองว่าคุณยังเที่ยงแท้ต่อพระองค์ คุณพยายามที่จะสัตย์ซื่อ คุณทำตามที่พระองค์ขออย่างสุดความสามารถ คุณทำเท่าที่ทำได้ เพื่อช่วยพิชิตดวงวิญญาณมาสู่พระองค์ คุณอุทิศชีวิตเพื่อช่วยเหลือและมอบความรักให้แก่ผู้อื่น

ฉันขอเล่าให้คุณฟังถึงชายคนหนึ่งผู้ซึ่งรู้สึกราวกับว่าเขาล้มเหลว

เขาเป็นคนขี้โรค บ่อยครั้งก็มีภาวะซึมเศร้า จนถึงขั้นที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่ เขาสูญเสียพ่อแม่ เมื่ออายุได้ 14 ปี เขาถูกไล่ออกจากวิทยาลัย นั่นหมายความว่าความฝันที่จะมีการศึกษาสูง และเป้าหมายที่จะได้เป็นผู้ประกาศ ก็ต้องสลายไป เขาต้องต่อสู้กับความโดดเดี่ยวอ้างว้าง เขาดิ้นรนกับความกลัวตาย เขาเสียชีวิตเมื่ออายุยังน้อย เพราะความยากจน หลังจากที่ป่วยหนัก โดยที่ดูเหมือนว่าประสบผลสำเร็จไม่กี่อย่าง

เขาเป็นคนล้มเหลวในสายตาตนเอง และในสายตาคนอื่นตอนนั้นด้วย ทว่าชื่อของเขาคงอยู่ เรื่องราวของเขาเป็นแรงบันดาลใจต่อมิชชันนารี และคนงานของพระเจ้าอีกหลายคน ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ส่วนผู้ที่เขาช่วยให้หันมามีความเชื่อ ก็เป็นพยานกับคนอื่นๆ และงานมิชชันนารีของเขามีแรงชักจูงต่อคนจำนวนมาก คริสเตียนหลายรุ่นได้รับแรงบันดาลใจจากบันทึกคำอธิษฐานของเขา

เขาสิ้นใจไป โดยไม่ทราบว่าเขาบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้าง นอกเหนือจากผู้ที่หันมามีความเชื่อแค่หยิบมือ ทว่าชีวิตเขาโดดเด่น หลังจากที่สิ้นชีวิตไปแล้ว

ชีวิตที่ดิ้นรนต่อสู้ในโลกนี้ ซึ่งเขาถือว่าเป็นความล้มเหลว โดยดิ้นรนต่อสู้กับความสงสัย ความซึมเศร้า และความปวดร้าวในจิตวิญญาณ คือสิ่งที่ช่วยมิชชันนารีอื่นๆ จำนวนมาก โดยที่เป็นกำลังใจและเสริมสร้างเขาในงานพันธกิจ

นี่เป็นความล้มเหลวจริงๆ หรือว่าพระเจ้าต้องการใช้ชีวิตเขาให้เป็นดุจเทียนไข ไม่ว่าแสงจะน้อยนิดเพียงใด แม้ว่าจะส่องแสงอยู่ชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะดับไป เพื่อนำความสว่างและกำลังใจมาสู่คนงานของพระเจ้าในอนาคตอีกหลายรุ่น

เขาชื่ออะไร เดวิด เบรเนิร์ด นั่นเอง

ฉันนึกในใจว่า พระเจ้าทำผิดพลาดหรือ เป็นไปได้ไหมที่ถึงแม้จะดูเหมือนความล้มเหลว แต่ก็ยังประสบความสำเร็จในสายตาของพระเจ้า

ต่อไปนี้เป็นชีวิตของเขาโดยย่อ ซึ่งฉันเรียบเรียงและสรุปสั้นๆ จากหนังสือหลายเล่ม และแหล่งข้อมูลทางออนไลน์

 

เดวิด เบรเนิร์ด มิชชันนารี ผู้ประกาศข่าวสารต่อเผ่าอินเดียนแดงที่อเมริกาเหนือ เกิดวันที่ 20 เมษายน ค.ศ.1718 เสียชีวิตวันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ.1747 เมื่ออายุ 29 ปี

ตอนที่อายุ 21 ปี เขารับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด เขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะเป็นพยาน ในเดือนกันยายน ค.ศ.1739 เขาเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเยล ขณะศึกษาที่เยล เป็นช่วงเวลาการเปลี่ยนแปลง เมื่อแรกเข้าเรียน เขาทุกข์ใจที่เห็นคนรอบข้างพากันเฉยเมยต่อศาสนา แต่หลังจากนั้นไม่นานนักผลกระทบจากผู้ประกาศชื่อ จอร์ช ไวท์ฟิลด์ และการฟื้นฟูครั้งใหญ่ ก็ส่งผลมหาศาลต่อเขา มีกลุ่มอธิษฐานและศึกษาพระคัมภีร์เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน ซึ่งมักจะไม่เป็นที่พอใจต่อกองการเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัย ผู้ซึ่งหวาดหวั่น “ความกระตือรือร้น” ทางศาสนา ในบรรยากาศดังกล่าว หนุ่มเบรเนิร์ดได้พูดจารุนแรงเกี่ยวกับอาจารย์ท่านหนึ่ง โดยออกความเห็นว่าท่าน “ไร้ความกรุณา” และตัดสินว่าเขาหน้าไหว้หลังหลอก มีคนรายงานถึงคำพูดดังกล่าวต่อกองการเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัย เดวิดถูกไล่ออก หลังจากที่ปฏิเสธไม่ยอมขออภัยต่อหน้าทุกคน เพราะเขากล่าวเช่นนี้เป็นการส่วนตัว

แต่เดวิด เบรเนิร์ด ก็มุ่งมั่นที่จะกระจายพระกิตติคุณออกไป ถึงแม้ว่าเมื่อวัดจากมาตรฐานแทบทุกอย่างที่คณะกรรมการมิชชันนารีสมัยใหม่ยึดถือกัน ว่าเขาเป็นคนที่มีภาวะเสี่ยง และคงไม่ได้รับเลือกให้เป็นมิชชันนารี เขาบรรยายด้วยคำพูดของตนเองว่าเขาเป็นคนอมทุกข์ มีสุขภาพอ่อนแอ เจ็บป่วยบ่อย และมีภาวะซึมเศร้า เขาต้องหยุดพักงานบ่อยครั้ง

เมื่อปี ค.ศ. 1742 เขาได้รับมอบหมายให้เป็นมิชชันนารี ในหมู่อินเดียนแดง กิจกรรมมิชชันนารีปีแรกไม่ก่อเกิดผลมากนัก เขาพูดภาษาพื้นเมืองไม่เป็น เขาไม่ได้เตรียมรับชีวิตที่ยากลำบากในป่า ล่ามชาวพื้นเมืองมีปัญหากับการติดสุรา ไม่มีความเชื่อ และไม่มีความเข้าใจต่อเรื่องทางจิตวิญญาณ เขาโดดเดี่ยวอ้างว้างและเศร้าใจอย่างที่สุด เขาเขียนบันทึกไว้ว่า

หัวใจผมจมดิ่ง ... ดูเหมือนว่าผมคงไม่มีวันประสบความสำเร็จในหมู่อินเดียนแดง ผมอ่อนระอาใจกับชีวิต ผมอยากจะตายให้พ้นๆ ไปเสียที จนเหลือที่จะพรรณนา

ราวกับว่าผมอยู่กลางทะเลทรายที่อ้างว้างสุดแสน ... ผมพักอาศัยอยู่กับชาวสก็อตผู้ยากจน ภรรยาเขาพูดภาษาอังกฤษแทบจะไม่เป็น โภชนาหารของผมประกอบด้วยพุดดิ้งจานด่วน [ธัญญพืชบดแล้วเอามาต้ม] ข้าวโพดต้ม และขนมปังอบขี้เถ้า ... ที่พักของผมเป็นกองฟางเล็กๆ บนไม้กระดาน การงานของผมยากลำบากที่สุด...

ฤดูหนาวปีแรกที่เขาสัมผัสในป่าดงพงไพร มีแต่ความลำบากยากเย็น และการเจ็บป่วย งานมิชชันนารีปีที่สอง เขาเห็นว่าเป็นความสูญเสียอย่างสิ้นเชิง ความหวังที่จะประกาศข่าวสารต่อเผ่าอินเดียนแดงลางเลือนไป เขาคิดอย่างจริงจังที่จะล้มเลิกการทำงาน

ปีที่สาม เขาย้ายไปอีกเขตหนึ่ง และพบปะกลุ่มอินเดียนแดงที่เปิดใจรับข่าวสารมากกว่า การประชุมของเขาดึงดูดใจชนเผ่าอินเดียนแดงถึงเจ็ดสิบคน บ้างก็เดินทางมาไกลถึงสี่สิบไมล์ เพื่อฟังข่าวสารเรื่องความรอด สัญญาณความตื่นตัวทางศาสนาเริ่มปรากฏขึ้น หลังจากปีครึ่ง ผู้ประกาศสัญจรคนนั้น ก็มีผู้ที่หันมาเลื่อมใสศรัทธาจำนวน 150 คน บ้างก็เป็นพยานกับผู้อื่นต่อๆ ไป

ครั้งแรกที่เดวิด เบรเนิร์ด เดินทางไปยังเผ่าที่ดุร้ายเผ่าหนึ่ง เกิดความมหัศจรรย์ซึ่งทำให้เขาเป็นที่ยำเกรงในหมู่อินเดียนแดง ในฐานะ “ผู้พยากรณ์ของพระเจ้า” ขณะที่ตั้งค่ายอยู่ริมเขตสงวนของเผ่าอินเดียนแดง เดวิด เบรเนิร์ด กะว่าจะไปยังชุมชนอินเดียนแดงเช้าวันรุ่งขึ้น เพื่อประกาศข่าวสาร เขาไม่ทราบเลยว่าพวกนักรบของเผ่าเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของเขาทุกฝีก้าว และถูกส่งมาสังหารเขา เอฟ. ดับบลิว. บอร์แฮม บันทึกเหตุการณ์ไว้ว่า

เมื่อนักรบอินเดียนแดงเข้ามาใกล้เต็นท์ของเดวิด เบรเนิร์ด พวกเขาเห็นคนหน้าซีดคุกเข่า ขณะที่เดวิดอธิษฐาน ทันใดนั้นมีงูหางกระดิ่งเลื้อยมาข้างๆ มันชูหัวขึ้นพร้อมที่จะฉก มันสะบัดลิ้นเป็นแฉกเกือบถึงใบหน้าของเขา แล้วทันใดนั้นงูก็เลื้อยหนีเข้าป่าไป โดยไม่มีเหตุผลที่ประจักษ์ชัดใดๆ ‘พระวิญญาณยิ่งใหญ่สถิตอยู่กับคนหน้าซีด!’ นักรบอินเดียนแดงกล่าว พวกเขาจึงเห็นพ้องที่จะให้การต้อนรับเดวิด เยี่ยงผู้พยากรณ์

เหตุการณ์ดังกล่าว ในขณะที่เดวิด เบรเนิร์ด ประกอบหน้าที่การงาน ไม่เพียงเป็นภาพสะท้อนถึงการที่พระเจ้ายื่นมือเข้ามาในชีวิตเขา โดยมอบความช่วยเหลือด้วยพลังจากเบื้องบน ทว่ายังเป็นภาพสะท้อนถึงความสำคัญและพลังแรงกล้าของการอธิษฐานในชีวิตเขาด้วย ข้อความหน้าแล้วหน้าเล่า ใน Life and Diary of David Brainerd (ชีวิตและอนุทินของ เดวิด เบรเนิร์ด) บนหน้าหนึ่งมีใจความว่า

อีกครั้งหนึ่งที่พระเจ้าช่วยผมต่อสู้เพื่อดวงวิญญาณหลายดวง และมีศรัทธาแรงกล้าในหน้าที่การอธิษฐานอ้อนวอนอันน่าชื่นใจ

เช้านี้ผมใช้เวลาสองชั่วโมงในหน้าที่การงานลับ ผมทนได้นานกว่าปกติ ในการเฝ้าอ้อนวอนเพื่อดวงจิตที่จีรังยั่งยืน

ผมใช้เวลาอธิษฐานอย่างมากในป่า ราวกับว่าตัวลอยขึ้นไปเหนือสิ่งต่างๆ ในโลกนี้

ตอนเช้าผมเฝ้าอธิษฐานเกือบตลอดเวลา

ผมสามารถอธิษฐานได้มากทีเดียว ตลอดทั้งวัน

วันนี้ผมอดอาหารลับๆ และอธิษฐาน จากเช้าจนค่ำ

ฝนตกและทางเดินเฉอะแฉะ แต่มีความปรารถนาแรงกล้าเหลือเกิน ผมจึงคุกเข่าลงข้างทาง และบอกทุกอย่างกับพระเจ้า ขณะที่ผมอธิษฐาน ผมบอกพระองค์ว่ามือของผมควรทำงานให้พระองค์ ลิ้นของผมควรบอกกล่าวข่าวสารของพระองค์ ถ้าพระองค์จะเพียงแต่ใช้ผมเป็นเครื่องมือ ทันใดนั้นค่ำคืนมืดมิดกลับสว่างไสว ผมรู้ว่าพระเจ้าได้ยิน และตอบคำอธิษฐานของผม

ผมอยู่นี่ โปรดส่งผมไป ส่งผมไปยังสุดขอบฟ้า ส่งผมไปยังถิ่นทุรกันดาร ไปยังคนป่าเถื่อนในป่าดงพงไพร ส่งผมไปจากโลกที่สะดวกสบาย ส่งผมไปแม้แต่แดนมรณะ ถ้านั่นเป็นงานรับใช้และการจรรโลงอาณาจักรของพระองค์

ในความสงบเงียบ ท่ามกลางสภาพที่สับสนวุ่นวายของชีวิต ผมนัดหมายกับพระเจ้า จากความสงบเงียบเช่นนี้ จิตวิญญาณผมกลับสดชื่นและฟื้นฟูพลัง ผมได้ยินเสียงในความเงียบสงบ และตระหนักมากขึ้นทุกที ว่านั่นเป็นเสียงของพระเจ้า

ผมเล็งเห็นว่า เมื่อดวงจิตของผู้ใดรักพระเจ้าด้วยความรักสูงสุด ความสนใจของพระเจ้าและของเขา กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ว่าพระคริสต์จะส่งผมไปที่ไหน เมื่อใด อย่างไร หรือพระองค์จะให้ผมฝึกรับความทุกข์ร้อนอะไร ถ้าผมจะได้เตรียมพร้อมเพื่อการงานและความประสงค์ของพระองค์ ... ผมขอเป็นเปลวไฟที่ลุกโชติช่วง ในความประสงค์ของนายท่าน! ... ผมไม่สนใจว่าผมอยู่ที่ไหน อย่างไร หรือประสบความยากลำบากใดๆ เพื่อผมจะได้พิชิตดวงวิญญาณมาสู่พระคริสต์ ขณะที่ผมนอนหลับ ผมฝันถึงเรื่องนี้ เมื่อผมตื่นขึ้น สิ่งแรกที่ผมนึกถึง คือการงานยิ่งใหญ่ชิ้นนี้ ความปรารถนาทั้งสิ้นที่ผมมีอยู่ ก็เพื่อให้ผู้ที่ไม่มีความเชื่อหันมารับเชื่อ ความหวังทั้งสิ้นของผมอยู่ในพระเจ้า

หลังจากที่เดวิด เบรเนิร์ด ต้องอดทนกับความยากลำบากต่างๆ นานา เขาเสียชีวิตในวัย 29 ปี เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ.1747 การอุทิศตนโดยที่ไม่นึกถึงตัวเอง ความปรารถนาแรงกล้า และชีวิตอธิษฐานของเขา เป็นแรงบันดาลใจต่อมิชชันนารีคนอื่นๆ เช่น เฮนรี่ มาร์ติน, วิลเลียม แครี่ย์, โจนาธาน เอ็ดเวิร์ด, อะโดนิราม จั๊ดสัน  และ จอห์น เวสลีย์  หลังจากที่เสียชีวิต เขามีแรงชักจูงมากกว่าผลลัพธ์ใดๆ ที่เขาได้บรรลุ ในขณะที่มีชีวิตอยู่ อนุทินของเขากลายเป็นผลงานชิ้นเอก ซึ่งดลใจให้หลายคนหันมาเป็นมิชชันนารีผู้รับใช้พระเจ้า แรงชักจูงของเขาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าพระเจ้าทำได้ และจะใช้สื่อกลางใดๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะบอบบางและอ่อนแอแค่ไหน ถ้าเพียงแต่มีความเชื่อมั่นในการพิชิตดวงวิญญาณ และเชื่อมั่นในพระผู้ช่วยให้รอด

จัดพิมพ์ครั้งแรก เดือนสิงหาคม ค.ศ. 2011 ปรับเปลี่ยนและจัดพิม์ใหม่ เดือนตุลาคม ค.ศ. 2016

Copyright © 2024 The Family International