Making Godly Decisions: Finding the Will of God

กรกฎาคม 31, 2017

โดย ปีเตอร์ อัมสเตอร์ดัม

 

[การตัดสินใจตามแบบอย่างของพระเจ้า: การค้นหาความประสงค์ของพระเจ้า ]

เราอธิษฐานเผื่อท่านตลอดมาไม่เคยหยุด ขอพระเจ้าให้ท่านล่วงรู้ถึงความประสงค์ของพระองค์ ด้วยสติปัญญาและความเข้าใจทางจิตวิญญาณ เพื่อท่านจะได้ดำเนินชีวิตสมกับที่เป็นคนของพระองค์ และจะได้เป็นที่พอพระทัยในทุกด้าน คือเกิดผลในการดีทุกอย่าง และรู้จักพระเจ้าดียิ่งขึ้น – โคโลสี 1:9-10[1]

เนื่องจากมนุษย์ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาตามฉายาของพระเจ้า ลักษณะนิสัยอย่างหนึ่งของมนุษย์คือ มีอิสระในการตัดสินใจ ซึ่งรวมถึงการสามารถตัดสินใจ และมีความรับผิดชอบต่อผลลัพธ์จากการตัดสินใจ การรู้จักตัดสินใจซึ่งจะเป็นการถวายสง่าราศีแด่พระเจ้า และทำตามความประสงค์ของพระองค์ในชีวิต คงน่าท้าทายมากในบางครั้ง นี่อาจเป็นบททดสอบ และช่วยให้ศรัทธาเพิ่มพูนขึ้น ขณะที่เราแสวงหาความประสงค์ของพระองค์ และรอคอยพระองค์ เพื่อขอคำตอบและแนวทาง

การรับพระเยซูไว้เป็นพระผู้ช่วยให้รอด และรับความรอด ซึ่งเป็นของขวัญฟรีจากพระองค์ คือการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดเท่าที่เราเคยประสบในชีวิต เพราะนี่เป็นตัวกำหนดจุดยืนชั่วนิรันดร์ ในความสัมพันธ์ที่เรามีกับพระเจ้า และอาณาจักรของพระองค์ การตัดสินใจที่สำคัญที่สุดครั้งนั้น เป็นตัวกำหนดปัจจุบันและอนาคต รวมทั้งกำหนดอดีตของเราใหม่ ด้วยการยกเลิกคดีความต่างๆ ที่ “ต่อต้านและปรักปรำเรา โดยตรึง[มัน]ไว้บนไม้กางเขน”[2]

การตัดสินใจรับพระคริสต์ไว้เป็นพระผู้ช่วยให้รอด คือการตัดสินใจที่เราผู้เดียวทำได้ เป็นการตัดสินใจเลือกโดยอิสระ ที่จะเชื้อเชิญพระเยซูเข้ามาสู่ชีวิตจิตใจของเรา อย่างไรก็ตาม ความรอดไม่ใช่จุดหมายปลายทาง เมื่อเรามอบชีวิตให้กับพระองค์แล้ว เราก็เผชิญหน้ากับการตัดสินใจอื่นๆ มากมาย เป็นประจำทุกวัน เกี่ยวกับการปลูกฝังความศรัทธาผ่านการศึกษาพระคำ และการดำเนินชีวิตตามบัญชาและแนวทางของพระองค์

การตัดสินใจสำหรับคริสเตียน ควรจะเป็นขั้นตอนในความสัมพันธ์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับตัวเราเอง และพระเจ้า ขณะที่เราฝากความกลัดกลุ้มทุกอย่างไว้กับพระองค์ โดยรู้ว่าพระองค์ห่วงใยเรา[3] พระองค์บอกเราว่า “มาเถิด ให้เรามาหาเหตุผลด้วยกัน”[4] นี่แสดงให้เห็นว่าพระองค์ปรารถนาที่จะสนทนากับเรา พระองค์ต้องการมีส่วนร่วมในการสนทนา ขณะที่เราตัดสินใจ และสัญญาว่าพระวิญญาณของพระองค์ในเรา จะชี้แนะนำทางเราไปสู่ความจริงทั้งสิ้น[5]

ตลอดชีวิตเรา ในฐานะที่เป็นคริสเตียน เราเผชิญหน้ากับการตัดสินใจที่เปลี่ยนแนวทางชีวิต ซึ่งส่งผลต่ออนาคตของเรา ไม่ว่าจะเกี่ยวกับเรื่องที่ว่าควรประกอบอาชีพอะไร แต่งงานกับใคร เลี้ยงดูลูกอย่างไร อาศัยอยู่ในประเทศไหน หรือการปวารณาตนต่อความศรัทธา และมีส่วนร่วมในการงานของพระเจ้าอย่างไร ย่างก้าวหนึ่งที่สำคัญที่สุด ในการค้นหาความประสงค์ของพระเจ้า และการตัดสินใจให้ดี คือการให้พระองค์มีส่วนด้วย และฝากหนทางของเราไว้กับพระองค์ “จงวางใจในพระเยโฮวาห์สุดใจของเจ้า อย่าพึ่งพาความเข้าใจของตนเอง ให้พระองค์รับรู้ในทุกลู่ทาง และพระองค์จะชี้นำทางของเจ้า จงมอบเส้นทางชีวิตไว้กับพระเยโฮวาห์ วางใจในพระองค์ และพระองค์จะบันดาลให้สำเร็จ”[6]

การรู้จักตัดสินใจที่จะถวายเกียรติแด่พระเจ้า โดยที่ให้สอดคล้องกับความประสงค์และบัญชาของพระองค์ บ่อยครั้งจะควบคู่มากับการสำรวจจิตใจ การอธิษฐานสุดจิตสุดใจ และบททดสอบ บางครั้งก็ยากที่จะแยกแยะได้ว่าอะไรคือความประสงค์ของพระเจ้า ในสถานการณ์หนึ่ง หรือการตัดสินใจอย่างใดจะให้ผลลัพธ์ดีที่สุด ในช่วงเวลาเช่นนั้น เราหวังว่าจะเกิดสายฟ้าแลบบนท้องฟ้า หรือเราล้มลงกับพื้น เหมือนอัครสาวกเปาโล เพื่อจะได้เห็นสัญญาณที่ชัดเจนอย่างไม่มีทางผิดพลาด ทว่าบ่อยครั้งเหลือเกิน เสียงของพระเจ้าเงียบๆ ถ้าเราไม่สงบจิตวิญญาณ เปิดความคิดจิตใจ และรับฟัง ก็คงจะพลาดไป

พระองค์กล่าวว่า “ออกไปเถิด ไปยืนอยู่บนภูเขาต่อหน้าพระเยโฮวาห์ เพราะพระองค์จะผ่านไป” ลมแรงพัดภูเขาพังทลาย และทำให้หินแตกเป็นเสี่ยงๆ ต่อหน้าพระเยโฮวาห์ แต่พระองค์ไม่ได้สถิตอยู่ในลมนั้น หลังจากลมพัดก็เกิดแผ่นดินไหว แต่พระองค์หาได้สถิตอยู่ในแผ่นดินไหวนั้นไม่ หลังจากแผ่นดินไหวก็เกิดไฟ แต่พระองค์หาได้สถิตอยู่ในไฟนั้นไม่ หลังจากนั้นก็มีเสียงเบาๆ – 1 พงศ์กษัตริย์ 19:11-12[7]

เราทำส่วนของเราอย่างไร ในขั้นตอนการตัดสินใจ โดยทำทุกสิ่งที่ทำได้เพื่อตัดสินใจอย่างถูกต้อง มีจิตวิญญาณสงบ เพื่อรับฟังเสียงของพระเจ้า และตัดสินว่าทางเลือกใดดีที่สุดในการตัดสินใจต่างๆ ซึ่งจะเปลี่ยนแนวทางชีวิตของเราในบางแง่อย่างนั้นหรือ พระคำของพระเจ้ากล่าวว่า “ถ้าผู้ใดในพวกท่านขาดสติปัญญา ก็ให้ผู้นั้นขอจากพระเจ้า ผู้มอบให้แก่คนทั้งปวงอย่างเหลือล้น ไม่ได้ตำหนิ และจะมอบให้แก่ผู้นั้น”[8]

พระองค์สร้างสรรค์เราขึ้นมาในภาพลักษณ์ของพระองค์ ให้เป็นมนุษย์ที่มีเหตุผล สามารถตัดสินใจได้อย่างอิสระ และเลือกให้พระองค์เป็นศูนย์กลางชีวิตของเรา นี่คือทางหนึ่งที่เรารักพระเจ้าสุดความคิด โดยการตัดสินใจด้วยจิตสำนึกที่จะรักพระเจ้า ให้พระองค์เป็นศูนย์กลางชีวิตและความปรารถนาของเรา โดยหาทางถวายสง่าราศีแด่พระองค์ ในการตัดสินใจทุกอย่าง ในทุกทาง เมื่อเรารักพระเจ้าเช่นนี้ โดยมีเหตุผล มีความแน่วแน่ และปวารณาตนในใจว่าจะติดตามไปทุกหนทุกแห่งที่พระองค์นำไป เราก็พร้อมแล้วที่จะทดสอบและหยั่งรู้ความประสงค์ของพระเจ้า ดังที่ท่านเปาโลอธิบายไว้ในโรมว่า “จงเปลี่ยนจิตใจใหม่ เพื่อท่านจะได้พิสูจน์และทราบความประสงค์ของพระเจ้า ว่าสิ่งใดดี สิ่งใดเป็นที่ชอบพระทัย และสิ่งใดครบถ้วนสมบูรณ์”[9]

พระคัมภีร์ข้อนี้บ่งบอกว่าบ่อยครั้งเราอาจต้องทดสอบบางสิ่ง เพื่อจะได้ค้นพบด้วยประสบการณ์ ว่านั่นเป็นความประสงค์ของพระเจ้าหรือไม่ การตัดสินใจที่อยู่ข้างหน้าอาจไม่ชัดเจนมากพอที่จะทราบอย่างมั่นใจที่สุด ว่านั่นเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง บางทีเราอาจต้องตัดสินใจว่าจะลงทุนในการเสี่ยงทำธุรกิจ หรือเริ่มพันธกิจรูปแบบใหม่ หรือส่งลูกเข้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง หรือย้ายไปอยู่ละแวกบ้านในทำเลใหม่ เราต้องแสวงหาพระองค์เพื่อขอสติปัญญาและแนวทาง เราหยั่งดูข้อดีข้อเสีย เราวิเคราะห์สถานการณ์อย่างถี่ถ้วน เราขอคำปรึกษาจากผู้ที่สามารถมอบคำปรึกษาที่ดี แต่เราอาจพบว่าเรายังไม่แน่ใจ 100 เปอร์เซ็นต์ ในการตัดสินใจดังกล่าว ทั้งๆ ที่ใกล้จะถึงเส้นตายแล้ว ในบางกรณีที่เป็นเช่นนั้น คุณอาจรู้สึกว่าพระเจ้ากระตุ้นให้คุณย่างก้าวไปข้างหน้า โดยตัดสินใจเบื้องต้น ขณะที่เปิดโอกาสให้มีขั้นตอนการทดสอบ การพิจารณา และสามารถเปลี่ยนแนวทาง ถ้าหากเส้นทางที่นำเสนอ ไม่มีข้อพิสูจน์ยืนยันว่าเป็นความประสงค์ของพระเจ้า ในสถานการณ์ของคุณ

เมื่อคุณย่างก้าวไปด้วยการตัดสินใจเบื้องต้น บ่อยครั้งพระองค์จะยืนยัน หรือไม่ก็มีองค์ประกอบใหม่ขึ้นมา ซึ่งจะช่วยให้เล็งเห็นมุมมองใหม่ในสถานการณ์นั้น เมื่อมาถึงทางแยกใหม่ บนเส้นทางไปสู่การตัดสินใจขั้นสุดท้าย คุณอาจต้องพิจารณาสิ่งต่างๆ ใหม่ และอธิษฐานเพิ่มเติม ก่อนที่จะย่างก้าวต่อไป คุณอาจต้องปรับเปลี่ยนแนวทาง เมื่อคุณค้นพบว่าการตัดสินใจขั้นแรก เมื่อผสมผสานกันแล้ว ถึงแม้จะชี้ไปในแนวทางที่ถูกต้องโดยทั่วไป ก็ต้องมีการปรับให้ชัดเจน เมื่อคุณมุ่งไปสู่จุดหมายปลายทางสุดท้าย บ่อยครั้งการตัดสินใจเป็นขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจหลายๆ ครั้ง ไม่ใช่การตัดสินใจแค่ครั้งเดียว และการตัดสินใจแต่ละครั้งจะปูพื้นฐานสำหรับการตัดสินใจครั้งต่อไป

พวกเราส่วนใหญ่อยากได้รับแนวทางที่ชัดเจนจากพระเจ้ามากกว่า แต่ดูเหมือนว่าบ่อยครั้งพระองค์ต้องการให้เราทำหน้าที่แสวงหาความประสงค์ของพระองค์อย่างสุดหัวใจ โดยการตรวจสอบ วิเคราะห์ ประเมินผล และใช้ทุกลู่ทางที่มีอยู่ เพื่อตัดสินใจด้วยสติปัญญา ตามแบบอย่างของพระเจ้า ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นบ่อยครั้งว่าเป็นเช่นนั้น ดูเหมือนพระเจ้าไม่ค่อยทำอะไรให้เรา ซึ่งเราสามารถทำได้เอง บ่อยครั้งผมพบว่าผมตัดสินใจได้ดีที่สุด เมื่อผมทำงานควบคู่กับพระองค์ ผ่านการทำงานเบื้องหลังฉาก ในการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ และทางเลือกต่างๆ โดยหยั่งดูข้อดีข้อเสียของแต่ละอย่าง ขณะที่แสวงหาแนวทางและความคิดของพระองค์ในเรื่องนั้น ผ่านการอธิษฐานและรับฟังจากพระองค์

การตัดสินใจที่ถวายเกียรติและสง่าราศีแด่พระเจ้า คือทางหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าเรารักพระองค์สุดความคิดจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ ถึงแม้ว่าพวกเราส่วนใหญ่ต้องดิ้นรนกับความรับผิดชอบที่สำคัญ ในการตัดสินใจตามแบบอย่างของพระเจ้า นี่ก็เป็นโอกาสที่จะถวายสง่าราศีแด่พระเจ้า ผ่านทางเลือกของเรา เมื่อเราถือว่าพระเจ้าเป็นศูนย์กลางชีวิต และให้พระองค์มีส่วนในทุกลู่ทาง โดยการฝากชีวิตและเวลาของเราไว้ในมือพระองค์ เราก็ไว้วางใจได้ว่าพระองค์จะนำทางเรา และช่วยเราให้หยั่งรู้ความประสงค์ของพระองค์ และตัดสินใจด้วยสติปัญญา

จัดพิมพ์ครั้งแรก เดือนมีนาคม ค.ศ. 2014 ปรับเปลี่ยนและจัดพิมพ์ใหม่ เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2017


[1] พระคัมภีร์

[2] โคโลสี 2:13-14

[3] 1 เปโตร 5:7

[4] อิสยาห์ 1:18

[5] ยอห์น 16:13

[6] สุภาษิต 3:5-6; สดุดี 37:5

[7] พระคัมภีร์

[8] ยากอบ 1:5

[9] โรม 12:2

Copyright © 2024 The Family International