Why Watermelons Are Blue

มีนาคม 31, 2011

โดย เจสซี เอพสไตน์

 

[ทำไมแตงโมถึงสีน้ำเงิน]

นับตั้งแต่สมัยที่ยังเด็ก ฉันเป็นคนนอนหลับยาก และหลับไม่สนิท ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฉันทำได้ดีขึ้นมาก ทั้งการนอนหลับและหลับสนิท จากการเรียนรู้ข้อควรทำและไม่ควรทำต่างๆ บางอย่างช่วยได้ แต่บางอย่างก็ไม่ช่วย อย่างไรก็ตาม ฉันไม่ได้เป็นโรคนอนไม่หลับเหมือนเมื่อก่อน ฉันรู้สึกขอบคุณที่เป็นเช่นนั้น แต่โดยทั่วไปยังใช้เวลา 20 ถึง 90 นาที กว่าจะผลอยหลับ นั่นไม่ใช่เพราะว่าฉันมักจะดื่มกาแฟช่วงบ่าย หรือออกกำลังกายไม่มากพอ หรือลืมสวมถุงเท้าตอนเข้านอน

ดูเหมือนว่าสมองฉันจะมีหัวคิดของมันเอง คือไม่อยากนอนหลับเลยล่ะ เมื่อควรจะปิดเครื่องพักตอนกลางคืน แทนที่จะเป็นเช่นนั้น มันกลับเร่งเครื่อง และเริ่มทำอย่างอื่นโดยสิ้นเชิง นับจากการวางแผนไปจนถึงขบคิดเรื่องปรัชญา

ตอนที่นอนอยู่บนเตียง เมื่อรู้ว่าหยุดไม่ได้ที่จะนึกคิดอะไร ฉันพยายามหันไปนึกถึงสิ่งต่างๆ ที่น่ายินดี และไม่เครียด ถ้าจะให้ดีก็นึกถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตจริงน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานและการตัดสินใจ เป็นเรื่องยากเหลือเกิน แต่ถ้าทำแบบนั้นไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็มักจะได้ผล การครุ่นคิดถึงเรื่องเครียดค่อยๆ กลายเป็นกึ่งครุ่นคิด แล้วก็เป็นการคิดสนุกๆ ในที่สุดก็เป็นชั่วขณะที่ฉันชื่นชมทุกคืน คือชั่วขณะที่นึกถึงเรื่องไร้สาระโดยสิ้นเชิง

พวกคุณบางคนคงรู้ว่าเป็นเช่นไร ฉันเคยเจออย่างน้อยคนหนึ่งที่รู้ดี ส่วนคุณที่ไม่รู้ บทสนทนาในใจจะเป็นไปทำนองนี้ “พรุ่งนี้ฉันต้องส่งคำตอบถึงคริสตี้อันดับแรก เพราะเธอรอคำตอบฉันเพื่อจะได้เริ่มงาน ... ตอนนี้ฉันไม่ควรวางแผนสิ่งที่ต้องทำพรุ่งนี้ นึกถึงเรื่องที่สนุกๆ คำบรรยายที่ฉันฟังเมื่อวันก่อนน่าทึ่ง เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างจิตวิญญาณกับเรื่องทางเพศ ... ไม่ใช่ นั่นจะไม่ได้ผล น่าสนใจเกินไป ซับซ้อนเกินไป ฉันคงนอนไม่หลับ เอ้อ สุดสัปดาห์นี้ฉันจะไปกินข้าวเย็นกับเพื่อน คุยกันถึงความเป็นไปในชีวิตเรา ... นั่นเอง ทำไมแตงโมถึงสีน้ำเงิน”

ฉันอมยิ้ม ด้วยความขอบคุณที่รู้ว่าอีกไม่กี่อึดใจ ฉันจะหลับปุ๋ย

เมื่อไม่นานมานี้ฉันฉุกคิดได้ว่ากิจวัตรที่ทำทุกคืนอาจให้มุมมองส่วนอื่นๆ ในชีวิตฉันเช่นกัน ฉันจะอธิบายให้ฟัง หรืออธิบายให้ฟัง เห็นได้ชัดว่าเป็นกรณีของสิ่งที่ดูราวกับ"ผิด" หรืออย่างน้อยก็บ้าบอ หรือไร้สาระแท้ๆ  ซึ่งไม่เพียงเป็นส่วนประกอบของสิ่งที่พึงประสงค์ ทว่าปูทางไปสู่สิ่งที่ดี ในกรณีอาการนอนไม่หลับของฉัน สิ่งที่ดีคือการนอนหลับ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นทั้งๆ ที่สุ่มนึกถึงเรื่องแปลกๆ ทว่าการนึกคิดเรื่อยเปื่อยนำไปสู่ความคล้องจอง ดูเหมือนว่ายังช่วยให้เป็นเช่นนั้นด้วย นี่ทำให้ฉันนึกสงสัยว่ามีวิถีทางอื่นและช่วงเวลาอื่นๆ เมื่อสภาพการณ์ที่คล้ายคลึงกันเกิดขึ้น แต่ถ้าฉันไม่ทันสังเกต และรู้สึกขอบคุณ น่าเสียดายที่ฉันคงรำคาญหรือพร่ำบ่น

ฉันเคยได้ยินเรื่องจริงที่แปลกๆ ซึ่งกลับกลายเป็นสิ่งงดงามตระการตาในบางครั้ง เช่น ใครสักคนพบรักในชีวิต ขณะติดอยู่ที่สนามบิน เพราะสภาพอากาศไม่ดี การเดินทางจึงล่าช้า เป็นต้น ทว่ามีภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน อาทิเช่น ไม่นานมานี้ฉันทำของหาย เป็นของไม่ค่อยสำคัญ แต่ตอนที่ค้นหาของนั้น ฉันพบสิ่งอื่นที่มีค่ามากกว่าหลายเท่า ซึ่งหาไม่เจอมาหลายเดือนแล้ว

ตอนนี้ฉันขอมีทรรศนะที่เห็นข้อดี แทนที่จะมองข้อเสีย เมื่อดูเหมือนว่าบางสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ตรงตามรูปแบบที่ฉันคิดว่าเป็น“สิ่งที่ดี” ฉันเชื่อมานานแล้วว่าเราพบข้อดีได้ในทุกสถานการณ์ ทั้งๆ ที่มีข้อไม่ดี พระเจ้าจะบันดาลให้สิ่งต่างๆ ถูกต้องอีกครั้ง ด้วยทางใดทางหนึ่ง หรืออย่างน้อยก็ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม ทว่าควบคู่กับเรื่องดังกล่าว ฉันมีกรอบความคิดว่า “ทุกสิ่งจะลงเอยด้วยดี แต่การที่จะค้นพบสิ่งดีๆ ต้องเจอกับสิ่งที่น่าเกลียดและความยุ่งเหยิงที่ฉันจะไม่ชอบ”

ตอนนี้ฉันคงคิดไปไกลลิบ แต่ฉันเริ่มคาดหมาย และค่อนข้างจะเพลิดเพลินกับการผ่าน"สิ่งน่าเกลียดและความยุ่งเหยิง" คงเป็นส่วนพลิกผันคำสัญญาคลาสสิคใน โรม 8:28 “ทุกสิ่งลงเอยด้วยดีสำหรับผู้ที่รักพระเจ้า” นี่คือการปรับกรอบความคิดสำหรับฉัน ฉันเริ่มมองทะลุสิ่งที่ค่อนข้างเลวร้าย ด้วยทัศนคติที่ว่า "นี่อาจนำไปสู่บางสิ่งที่แสนวิเศษ!" คงไม่ได้เป็นเช่นนั้นทุกครั้ง ... ทว่าฉันจะมีพลังงานเชิงบวกมากขึ้น และน่าสนุกกว่าเยอะ ถ้ามุ่งหวังผลดีเลิศ แทนที่จะมัวหวาดหวั่นสิ่งเลวร้ายที่สุด ถ้าฉันมองหาสิ่งดีๆ ไม่ใช่หลังจากเกิดสิ่งที่ไม่ดี แต่มองว่า“สิ่งที่ไม่ดี” อาจเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งดีๆ เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกัน หรือช่วยให้เกิดสิ่งดีๆ ฉันคงพบความงดงามที่น่าชื่นชมในชีวิตนี้มากขึ้น ไม่ใช่หรือ ฉันคงมีสันติสุขมากขึ้นอีกเยอะทีเดียว

เมื่อกล่าวถึงความคิดของฉัน ... แน่นอนว่าหลายอย่างคงเป็นเรื่องไร้สาระทั้งเพ แต่ความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นต้นแบบและช่วยแก้ไขปัญหา บางครั้งบางคราวก็มาจากความคิดสับสนวุ่นวาย เป็นเช่นนั้นสำหรับฉัน หมายความว่าจะเกิดขึ้นอีก ฉันตั้งตารอคอยได้เลยว่าบางครั้งเมื่อหัวหมุนติ้ว แม้ในยามที่ดูเหมือนมีเมฆหมอกมืดมน พายุหมุนอาจพัดพาหัวคิดฉันล่องลอยไปสู่ดินแดนมหัศจรรย์ ที่ซึ่งทุกสิ่งเป็นไปได้! ฉันรู้ว่าเรื่องแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นหรอก แต่ใครจะไปรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น

นี่ไม่ใช่แค่ "ถึงยังไงก็สรรเสริญพระเจ้า ไม่ว่าสภาพการณ์เลวร้ายสักแค่ไหน" แต่ฉันมีความสุขมาก เมื่อสิ่งต่างๆ ผิดเพี้ยนไป เพราะเราไม่มีวันรู้หรอก นี่อาจเป็นเรื่อง"แตงโมสีน้ำเงิน" คงจะเป็นหนึ่งในครั้งนั้น ทั้งๆ ที่เกิดสิ่งที่ไม่ดี แต่กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่ไม่ดีกับสิ่งดีๆ จับมือกัน จนเกิดเรื่องราวดีๆ

ฉันไม่มีวันรู้ว่าเป็นเช่นนั้นกี่ครั้งกี่หนแล้ว ฉันตั้งตารอคอยความเป็นไปได้ทุกวัน ว่าจะเกิดขึ้นอีก ทุกคืนเมื่อความคิดไร้สาระที่ฉันหัดชื่นชอบผุดขึ้นมา ก็เตือนใจฉันว่า เหนือความเป็นไปได้ทางทฤษฎี ที่ว่าสิ่งแปลกๆ นำไปสู่สิ่งที่น่ารัก นี่เกิดขึ้นกับฉันแทบทุกคืน ตอนนี้ฉันมีเหตุผลมากยิ่งขึ้นอีกที่ยิ้มด้วยความชื่นใจ

Copyright © 2024 The Family International